
เมื่ออายุเริ่มเยอะ กระดูกก็เริ่มไปครับ สำหรับสายฟรีที่ไม่มีงบในการซื้อ วิตามิน D มากิน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุความแพง หรืออะไรก็ตาม เราสามารถรับวิตามินได้จากแสงแดดครับ
แต่ก็มักจะเกิดคำถามที่ว่า แล้วแสงแดดแบบไหนล่ะที่จะได้วิตามิน D ที่ต้องการ รวมถึงไม่เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง เพราะแดดประเทศไทยมันร้อนจัดๆเลย! คำตอบอยู่ด้านล่างครับ
แสงแดดแบบไหนให้วิตามิน D มากที่สุด
แสงแดดที่มีรังสี UVB
รังสี UVB คือรังสีที่ช่วยกระตุ้นการผลิตวิตามิน D ในผิวหนังของเรา โดยการสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสี UVB จะทำให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามิน D ได้มากขึ้น รังสี UVB สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศและไปถึงผิวหนังได้
เวลาในการได้รับแสงแดด
เวลาที่ดีที่สุดในการได้รับแสงแดดเพื่อกระตุ้นการผลิตวิตามิน D คือช่วงเวลา กลางวัน ระหว่างเวลา 10:00 น. – 15:00 น. เนื่องจากในช่วงนี้แสงแดดจะมีความเข้มข้นของรังสี UVB สูงที่สุดและสามารถกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตวิตามิน D ได้มากที่สุด
- เวลาที่เหมาะสม: หากได้รับแสงแดดในช่วงนี้ประมาณ 10-30 นาที (ขึ้นอยู่กับประเภทผิวหนังของแต่ละบุคคลและสถานที่) ก็เพียงพอแล้วในการกระตุ้นการผลิตวิตามิน D ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่กลางแดดนานครับ
ความเข้มข้นของแสงแดดตามภูมิภาคและฤดูกาล
- ใน เขตร้อน หรือใกล้เส้นศูนย์สูตร แสงแดดมักจะมีรังสี UVB สูงในทุกฤดูกาล ดังนั้นการได้รับแสงแดดในพื้นที่เหล่านี้อาจทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพครับ
- ส่วนใครไปอยู่เมืองหนาว อาจจะต้องอยู่กลางแดดให้นานขึ้นเพื่อรับวิตามินที่มากขึ้นครับ
วิธีการได้รับแสงแดด และรับ วิตามิน D อย่างปลอดภัย
แม้การได้รับแสงแดดเป็นวิธีที่ดีในการสร้างวิตามิน D แต่การอยู่ในแสงแดดนานเกินไปโดยไม่ป้องกันผิวอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้แบบที่บอกไปครับ เพราะงั้นควรมีการป้องกันผิวที่ดีด้วย
แต่การป้องกันผิว ต้องยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่า วิตามินที่เข้าสู่ผิวจะเข้าได้น้อยลงครับ แต่การทายังไงก็ดีกว่าไม่ทาครับ เพราะแดดประเทศไทยมันร้อนกว่าเมืองอื่นๆอย่างมากครับ แนะนำว่าให้ทาที่ SPF ไม่เกิน 20 เพราะจะได้ทั้งการปกป้องผิว และยังมีจุดที่ UVB ยังแทรกเข้ามาให้วิตามินแก่ผิวเราได้ครับ
สรุป
แสงแดดในช่วง 10:00 น. – 15:00 น. โดยเฉพาะแสงที่มี รังสี UVB จะช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตวิตามิน D ได้มากที่สุด แต่ควรระมัดระวังการสัมผัสแดดมากเกินไปเพื่อป้องกันผลเสียต่อผิวหนังนะครับ
ส่วนใครที่อ่านมาแล้วไม่ชอบอาบแดดเลย เน้นกินวิตามินดีกว่า ก็สามารถกินวิตามิน D เข้าสู่ร่างกายได้ตามเภสัชสั่งนะครับ รวมถึงใครที่อายุเกิน 50 อย่าลืมไปตรวจมวลกระดูกด้วยนะครับ
ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 3,000 บาท กดหวยไวแปบเดียวก็ได้ตรวจแล้วครับ ใครที่สงสัยว่าคืออะไร กดที่นี่ ได้เลย