ทำไมแสงสีฟ้าถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพตา

ผู้ใหญ่หลายๆคนมักจะบอกว่า “อย่าจ้องหน้าจอ” มากเกินไป เดี๋ยวสายตาเสีย ซึ่งจ้องไปก็ยังปกติอยู่ เล่นมาตั้งนานก็ไม่เป็นอะไร หรือจะโดนหลอก..!


ในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่าเจ้าแสงสีฟ้า ส่งผลเสียต่อสุขภาพตาของมนุยษ์เราจริงไหม และส่งผลเสียต่อเรื่องอะไรอีกบ้าง หรือแท้จริงแล้วมันไม่เป็นอะไร ไปเริ่มกันเลยไม่ต้องเดาเป็นหวยครับ

ทำไมแสงสีฟ้าถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพตา

1.ความเมื่อยล้าทางสายตา

แสงสีฟ้ามีการหักเหที่มากกว่าแสงสีอื่น ๆ ทำให้โฟกัสของแสงไม่ได้ตกลงที่จอประสาทตาโดยตรง แต่จะตกอยู่ด้านหน้าจอประสาทตาเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปรับโฟกัส 

ส่งผลให้เกิด อาการตาล้า (Eye Strain) ตาพร่ามัว และปวดศีรษะได้ นอกจากนี้ การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานยังทำให้เรากะพริบตาน้อยลง ซึ่งนำไปสู่อาการ ตาแห้ง ได้อีกด้วย

2.ผลกระทบต่อจอประสาทตา

แม้ว่าการวิจัยในมนุษย์จะยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ดิจิทัลเป็นสาเหตุโดยตรงของโรคจอประสาทตาเสื่อม แต่การศึกษาในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลองพบว่าแสงสีฟ้าที่มีพลังงานสูงสามารถ ทำลายเซลล์รับแสง (photoreceptors) ในจอประสาทตา ได้ 

ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของ โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration หรือ AMD) ในระยะยาว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุ

3.รบกวนวงจรการนอนหลับ

แสงสีฟ้ามีบทบาทสำคัญในการควบคุม วงจรการหลับ-ตื่น (Circadian rhythm) ของร่างกาย การได้รับแสงสีฟ้าในช่วงเย็นหรือกลางคืนจะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน เมลาโทนิน (melatonin) 

ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ง่วงนอน ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดว่ายังเป็นช่วงกลางวัน ส่งผลให้คุณนอนหลับได้ยากขึ้นและคุณภาพการนอนลดลง

การใส่เว่นกรองแสงสีฟ้าช่วยได้ไหม?

สิ่งที่แว่นกรองแสงสีฟ้าอาจช่วยได้

  • ลดอาการตาล้าและปวดตา: แว่นกรองแสงสีฟ้าบางส่วนช่วยลดแสงที่ฟุ้งกระจาย ทำให้ดวงตาไม่ต้องทำงานหนักเพื่อปรับโฟกัส จึงช่วยลดอาการปวดตา ปวดหัว และตาล้าจากการใช้หน้าจอเป็นเวลานานได้
  • ช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น: แสงสีฟ้าเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายหยุดหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เราหลับ การใส่แว่นกรองแสงสีฟ้าในช่วงเย็นหรือกลางคืนจะช่วยลดการรบกวนการหลั่งฮอร์โมนนี้ ทำให้ร่างกายรู้สึกง่วงนอนตามธรรมชาติ และช่วยให้หลับง่ายขึ้น

สิ่งที่แว่นกรองแสงสีฟ้าอาจไม่ได้ช่วย

  • ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม: งานวิจัยในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ดิจิทัลในปริมาณปกติจะทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมในมนุษย์ได้ ดังนั้น แว่นกรองแสงสีฟ้าจึงไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคตาที่ร้ายแรงในระยะยาว
  • ลดความเมื่อยล้าได้ทั้งหมด: อาการตาล้าจากการใช้หน้าจอไม่ได้เกิดจากแสงสีฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการที่เรา กะพริบตาน้อยลง และ เพ่งหน้าจอในระยะใกล้เป็นเวลานาน ดังนั้น การใส่แว่นอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อถนอมสายตา

นอกจากเรื่องการใส่แว่นแล้ว วิธีการปฏิบัติที่สำคัญกว่าและได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญคือ:

  • กฎ 20-20-20: ทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตาโดยการมองวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที
  • กะพริบตาให้บ่อยขึ้น: เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาและลดอาการตาแห้ง
  • ปรับความสว่างของหน้าจอ: ให้พอดีกับสภาพแวดล้อม ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป
  • ใช้ Night Mode หรือ Dark Mode: ฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
  • ปรับท่านั่งและระยะห่างจากหน้าจอ: ให้เหมาะสมเพื่อลดการเพ่งและอาการปวดหลัง/คอที่อาจตามมา